"ปูติน" เย้ย ยูเครนอาจไม่รอดหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตร
มีรายงานว่าเมื่อบ่ายวานนี้(5 ต.ค.)รัสเซียยิงขีปนาวุธครั้งใหญ่ถล่มหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน จนมีพลเรือนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายสิบราย ถือเป็นการโจมตีพื้นที่พลเรือนครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2022
การโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลา 15.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นเป้าหมายที่รัสเซียโจมตีคือ หมู่บ้านฮโรซา หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองคูเปียนสก์ของแคว้นคาร์คีฟซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน
รัสเซีย อ้าง สกัดการโจมตีครั้งใหญ่ของยูเครนได้สำเร็จ
ศาลอาญาระหว่างประเทศ “ออกหมายจับปูติน” ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน
การโจมตีสร้างความเสียหายอย่างหนัก อาคารหลายหลังพังทลายเหลือแต่ซากปรักหักพัง อิฮอร์ คลีเมนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของยูเครนเปิดเผยว่า การโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายอายุ 6 ปี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่อย่างน้อย 6 รายคำพูดจาก เป๋าเงินจริงสำ
ณะที่โอเลฮ์ ซือเนียฮูบอฟ ผู้ว่าการแคว้นคาร์คีฟให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หนึ่งในจุดที่ถูกทำลายหนักที่สุดและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากที่สุดคือ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งของเมือง เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุ ผู้คนจำนวนมากกำลังรวมตัวกันเพื่อรำลึกถึงทหารหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งจะเสียชีวิต
ทหารที่เสียชีวิตนายนี้ เกิดและเติบโตมาในหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาถูกเกณฑ์ไปรบและเสียชีวิตในแนวหน้า ผู้คนในหมู่บ้านจึงได้จัดพิธีรับเขากลับบ้านเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการจัดพิธีรำลึกถึงการจากไป
ประชาชนรายหนึ่งที่รอดชีวิตเล่าเหตุการณ์ว่า ในช่วงที่การโจมตีเกิดขึ้น ภายในร้านกาแฟมีแต่พลเรือน ไม่มีใครมีอาวุธ ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อที่จะร่วมไว้อาลัยให้กับลูกหลานของชุมชนที่ต้องเสียชีวิตจากสงครามเท่านั้น
แต่รัสเซียก็ยิงขีปนาวุธโจมตี จนทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมากมีรายงานว่า ครอบครัวของทหารนายนี้ซึ่งอยู่ในงานรำลึกก็เสียชีวิตทันทีเช่นเดียวกัน
ผู้ว่าการแคว้นคาร์คีฟ ออกมาระบุว่า นี่เป็นอาชญากรรมที่นองเลือดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้
เขาระบุว่าหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีผู้อยู่อาศัยราว 330 คน ได้สูญเสียประชากรไปร้อยละ 20 จากการโจมตีครั้งนี้ของรัสเซีย
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาประณามการโจมตีของรัสเซียระหว่างแถลงการณ์ประจำวันว่า นี่เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม โหดร้ายป่าเถื่อนอย่างมาก และไม่มีทางเป็นไปได้ที่รัสเซียจะโจมตีโดยไม่รู้ว่ากำลังมุ่งเป้าไปยังบริเวณที่อยู่อาศัยของประชาชน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกียังเน้นย้ำอีกว่า นี่คือสาเหตุที่ยูเครนต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศอย่างมากในขณะนี้
การโจมตีคูเปียนสก์ครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีพื้นที่พลเรือนครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่รัสเซียทำสงครามรุกรานยูเครน
หมู่บ้านฮโรซาที่ถูกขีปนาวุธถล่มนั้น มีที่ตั้งห่างจากแนวรบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร และเพิ่งได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของรัสเซีย หลังยูเครนประสบความสำเร็จในปฏิบัติการโต้กลับที่คาร์คีฟเมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีพื้นที่อยู่ใกล้แนวรบและใกล้พื้นที่ที่รัสเซียใช้ในการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไปยังพื้นที่ยึดครองในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกแต่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางการทหารหรือปฏิบัติการโต้กลับที่กำลังดำเนินอยู่
การโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ชาติพันธมิตรรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ กำลังเผชิญมรสุมทางการเมือง จนกลายเป็นความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะไม่สามารถจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือรอบใหม่ให้แก่ยูเครนได้
ขณะที่ชาติพันธมิตรในยุโรปได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐฯ จะสามารถรับมือกับการเมืองภายในและอนุมัติความช่วยเหลือแก่ยูเครนได้ในท้ายที่สุด แต่ก็ต้องแข่งกับเวลาก่อนที่ความช่วยเหลือที่เคยให้ไปจะหมดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ล่าสุดประธานาธิบดีรัสเซียได้ออกมากล่าวถึงความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตรยูเครนที่ชะงักลงชั่วคราวเป็นครั้งแรก ในระหว่างการประชุม “วัลได ฟอรั่ม” ที่เมืองโซชิ เมืองชายฝั่งบนแคว้นคราสโนดาร์ทางภาคตะวันตกของรัสเซีส
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นพูดคุยหลักของการประชุม ผู้นำรัสเซียระบุว่า หากยูเครนไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการทหารจากชาติพันธมิตรในการทำสงคราม ยูเครนจะสามารถต้านรัสเซียได้เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น
นี่เป็นคำกล่าวจากผู้นำรัสเซีย หลังเกิดความโกลาหลในการเมืองสหรัฐฯ ที่รัฐบาลยังไม่สามารถอนุมัติงบประมาณความช่วยเหลือครั้งใหม่มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ยูเครนได้ในร่างงบประมาณประจำปี
ที่ผ่านมา อาวุธยุทโธปกรณ์และกระสุนส่วนมากที่ยูเครนใช้ในการสู้รบกับรัสเซีย รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้ปกป้องน่านฟ้าของยูเครนนั้น มาจากชาติพันธมิตรตะวันตก โดยสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรอันดับต้นๆ ที่ส่งความช่วยเหลือให้อย่างสม่ำเามอ
อย่างไรก็ตาม ชาติพันธมิตรยุโรปอื่นๆ ยังคงเดินหน้าส่งความช่วยเหลือให้แก่ยูเครน เช่น สหภาพยุโรปที่เพิ่งประกาศเสนอร่างแพ็กเกจสนับสนุนทางการทหารไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาระบุแล้วว่า
ยังมีวิธีการอนุมัติความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนโดยไม่ต้องผ่านการรับรองของรัฐสภา ส่วนยูเครนเองก็กำลังมุ่งหาทางผลิตและพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอาวุธและการป้องกันด้วยตนเอง เพื่อเตรียมรับมือสงครามที่อาจยืดเยื้อ
ขณะเดียวกัน อีกประเด็นหนึ่งที่ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงในที่ประชุมที่วัลไดคือ ศักยภาพทางการทหารของรัสเซีย
โดยผู้นำรัสเซียได้เปิดเผยว่า รัสเซียประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธ “บูเรียเวสนิก” แล้ว พร้อมระบุว่า หากชาติใดโจมตีรัสเซีย ก็จะไม่มีทางรอดไปได้
ขีปนาวุธบูเรียเวสนิกที่ประธานาธิบดึปูตินกล่าวถึงคืออะไร ขีปนาวุธบูเรียเวสนิกเป็นขีปนาวุธร่อนพลังงานนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี หรือ nuclear-powered strategic missile
รัฐบาลรัสเซียพัฒนาอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาในปี 2018 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขีปนาวุธรุ่นใหม่ของรัสเซีย
ขีปนาวุธอื่นๆ ที่รัสเซียพัฒนาขึ้นมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็เช่น ขีปนาวุธข้ามทวีป “ซาร์มัต” หรือขีปนาวุธเหนือเสียง “คินซาล”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของรัสเซียระบุว่า ขีปนาวุธบูเรียเวสนิกอาจถูกใช้เป็นขีปนาวุธในการตอบโต้ โดยจะใช้โจมตีไปที่เป้าหมายหลังจากยิงขีปนาวุธข้ามทวีปไปแล้ว เพื่อประกันว่าจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารและพลเรือนได้อย่างราบคาบ อย่างไรก็ตาม Nuclear Threat Initiative องค์กรด้านการลดอาวุธระบุไว้ว่า การทดสอบขีปนาวุธชนิดนี้ในช่วงระหว่างปี 2017-2019 ส่วนใหญ่จบลงด้วยความล้มเหลว
กรมอุตุฯ ประกาศเตือนฉบับที่ 2 พายุ “โคอินุ”
โปรแกรมแข่งวอลเลย์บอลหญิงไทย รอบ 4 ทีมสุดท้าย ทำศึกเอเชียนเกมส์ 2022
เปิดปฏิทินวันหยุดตุลาคม 2566 เช็กวันหยุดราชการ-วันสำคัญ